ถึงคิวดอกเบี้ยขาขึ้น! เอ็มดี ธอส. เตือนรับมือหลังเฟดจ่อขยับหลายรอบ กดดันต่อ กนง.ที่อาจปรับดอกเบี้ย ห่วงมีผลกระทบปรับเพิ่มขึ้นค่างวดในรอบ 10 ปี กลุ่มสินเชื่อบ้านลอยตัว อาชีพอิสระเสี่ยงภาระเพิ่มขึ้น เตรียม 80,000 ล้านบาทปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อบรรเทาช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ของอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ว่า มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ เพราะหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดกันหลายครั้ง คงเลี่ยงยากที่ กนง.จะไม่ปรับขึ้นดอก เบี้ย
ดังนั้น สิ่งที่ ธอส.มีความเป็นห่วงมากที่สุด คือ อาจจะได้เห็นการปรับขึ้นเงินค่างวดในการชำระสินเชื่อเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ธอส.จะพยายามปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้ช้าที่สุด
“สัญญาณทั่วโลกเป็นเทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น ลูกค้าที่เข้าโปรแกรมดอกเบี้ยคงที่ ห่วงแต่ที่อิงจาก M จะกระทบแน่ เพราะตามหลักต้องตัดดอกเบี้ยก่อนถึงตัดส่วนเงินต้น คำถามคือ ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแล้วตัดดอกเบี้ยไม่พอเหลือตัดเงินต้น คงต้องปรับเงินงวดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งการจะปรับขึ้นมาจากปัจจัยเดียว คือ การขึ้นดอกเบี้ยติดๆ กันในช่วงสั้นๆ ต้องตามดูว่า กนง.จะรับผลกระทบโดยตรงจากเฟดหรือไม่”
อย่างไรก็ดี ธอส.ได้ประเมินหากต้องปรับขึ้นค่างวดสินเชื่อจริงนั้น อาจจะมีบัญชีที่ต้องปรับเพิ่มค่างวดประมาณ 35% ของจำนวนพอร์ต ซึ่งใน 35% นี้ แบ่งเป็นลูกค้าที่มีรายได้ประจำ 50% ส่วนนี้ผมไม่ห่วง ห่วงแต่ลูกค้าที่ประกอบอาชีพอิสระ 50% ที่มีภาระเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยทุกเงินกู้ 1 ล้านบาท จะเพิ่มเงินงวดประมาณ 500 บาท
ทั้งนี้ ทาง ธอส.ได้เตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น โดย ธอส. เตรียมวงเงินสินเชื่อ 80,000 ล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3 โครงการ ในปี 65 ประกอบด้วย 1.โครงการบ้านล้านหลังเฟส 2 วงเงิน20,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 1.99% 2.สินเชื่อของธนาคารเพื่อผู้มีรายได้น้อย 40,000 ล้านบาท และ 3.นำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ มาจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์สินเชื่อโดยตรงในลักษณะเดียวกันกับ Peer-to-Peer Lending (P2P) วงเงินอีก 20,000 ล้านบาท
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นกับภาคอสังหาฯ ในปีนี้ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในระหว่างที่อัตราดอกเบี้ยยังไม่ปรับขึ้นนี้ จะทำให้มีการเข้ามาในตลาดอสังหาฯ มากขึ้นกว่าปีก่อน ประกอบกับธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้เริ่มมีการลงทุนโครงการใหม่ๆ มากขึ้น หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย
อย่างไรก็ตาม จะเริ่มเห็นการเข้าใช้บริการอัตราดอกเบี้ยคงที่มากขึ้น ส่งผลต่อภาพรวมสินเชื่อและการที่เราเริ่มอยู่กับโควิดได้แล้ว ทิศทางดีขึ้น ผู้ประกอบการมีการสร้างโครงการใหม่ ทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น และคนเปลี่ยนไปอยู่แนวราบ เพราะระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่แล้วเสร็จ ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในชานเมืองจะโตมาก
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket